Filler ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid
ฟิลเลอร์ คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่นำมาใช้เติมเต็มใบหน้า เป็นคำกว้างๆ ซึ่งสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยมและปลอดภัยในปัจจุบันหมายถึงสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid )หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า HA ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจนและไฮยาลูรอน ที่ร่างกายจะสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น
ผิวหนังของคนเรามีใยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่นและเต่งตึง การที่เส้นใยเหล่านี้ลดลง จะทำให้ผิวบาง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เมื่อฉีด Hyaluronic Acid เข้าไปบริเวณที่เป็นร่องริ้วรอย เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม จะทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวเต่งตึงขึ้น การฉีดฟิลเลอร์จึงสัมพันธ์กับการแก้ปัญหาริ้วรอยต่างๆ อย่างได้ผล
คุณสมบัติสำคัญของฟิลเลอร์ คือ มีความคงตัว จึงสามารถใช้ฉีดเสริมคาง และช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ถึงผิวชั้นใน ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มนวลขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ ปลอดภัยไหม
- ฟิลเลอร์ เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองโดยองค์กรอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ FDA เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัยสูง
- มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องเหมาะสม และวิเคราะห์ปริมาณยาและตำแหน่งที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ และจะต้องฉีดในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานได้ รับอนุญาตเพราะหากฉีดโดนเส้นเลือดหรือบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ประเภทของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. Temporary filler (แบบชั่วคราว) ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน นานถึง 2 ปี สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง เป็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เช่น ฟิลเลอร์กลุ่มไฮยารูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ที่เรารู้จักกัน
2. Semi Permanent Filler (แบบกึ่งถาวร) ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2-5 ปี ยาวนานกว่าแบบแรก มีความปลอดภัยรองลงมาจากแบบแรก เช่น แคลเซียมฟิลเลอร์ ที่มีส่วนผสมของ แคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Calciumhydroxyapatite) สารเติมเต็มกลุ่มกึ่งถาวรนี้มีใช้ในต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้รักษาในประเทศไทย หากเกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาจะสามารถทำการแก้ไขได้ยากกว่าสารเติมเต็มในกลุ่มที่ย่อยสลายได้
3. Permanent Filler (แบบถาวร) ฟิลเลอร์แบบถาวร เป็นสารเติมเต็มพวก ซิลิโคน หรือ พาราฟิน หลังฉีดไปแล้วผิวจะไม่สามารถดูดซึมฟิลเลอร์ชนิดนี้ได้ ทำให้คงค้างอยู่ในชั้นผิวของเรา โดยไม่สามารถสลายไปตามธรรมชาติ มีผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อยผิดรูป ไม่แนะนำให้ฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้ เพราะหากต้องการนำออก อาจจะไม่สามารถนำออกได้หมด ซึ่งเกิดอันตรายในระยะยาวแก่ร่างกายได้

ฟิลเลอร์ สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง
การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง แล้วแต่ว่ามีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือต้องการเสริมบริเวณไหนบ้าง โดยตำแหน่งที่นิยมจะมีดังนี้เพราะจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุด ทำให้หน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์ใต้ตา สาเหตุการเกิดรอยคล้ำหมองของใต้ตา มีด้วยกันหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ใต้ตาคล้ำจากโรคภูมิแพ้ ลักษณะทางพันธุกรรม หรือแม้กระทั่ง กระดูกใต้ตายุบลง จากสาเหตุอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้บริเวณนั้นมีเนื้อน้อยลงทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อทำให้หน้าดูเด็กลงได้
- ฟิลเลอร์ขมับ ปัญหาขมับตอบ เกิดจากโครงสร้างกะโหลกศีรษะของแต่ละบุคคล การฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะช่วยปรับรูปหน้าโดยรวมให้ได้สัดส่วนมากขึ้น และช่วยลดความเด่นของโหนกแก้มลง และช่วยในเรื่องการเสริมโหวงเฮ้ง
- ฟิลเลอร์แก้มตอบ สาเหตุแก้มตอบเกิดจากผอมเกินไป หรือ ลดน้ำหนักรวดเร็วเกินไป ผลกระทบจากการจัดฟัน พันธุกรรม หรือมีโหนกแก้มสูงเกินไป ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โทรม ไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบจะช่วยให้ผิวก็จะดูเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังช่วยในการปรับโหงวเฮ้ง ช่วยส่งเสริมในเรื่องต่าง ๆ ตามหลักความเชื่อชาวจีนอีกด้วย
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ปัญหาร่องแก้มลึก จุดบ่งบอกถึงอายุผู้หญิงเราได้อย่างชัดเจน ทั่วไปร่องลึกนี้จะลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุย่างเข้าสู่ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้หญิงเห็นชัดกว่าผู้ชาย เพราะร่องแก้มลึกจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ใบหน้าดูอวบอิ่ม ไม่โทรม
- ฟิลเลอร์คาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางตัด คางยื่นไม่เข้ากับรูปหน้า หรือใกล้ปากมากเกินไป การฉีดฟิลเลอร์คาง จึงมีส่วนช่วยในการปรับรูปหน้า เติมส่วนที่ขาดหายให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการใช้แทนการศัลยกรรม
- ฟิลเลอร์ปาก เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อริมฝีปากจะบางลงเรื่อย ๆ เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างน้อยลง ซึ่งเป็นกับผิวทุกส่วนของร่างกาย สำหรับริมฝีปากที่คอลลาเจนน้อยลงจะดูไม่อิ่มเอิบ เห็นริ้วรอยได้ง่าย ดูแห้ง ส่งผลทำให้ความมีเสน่ห์ น่าดึงดูดลดน้อยลงด้วย ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้นและมีเสน่ห์น่ามองสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนทรงปากแต่ไม่อยากผ่าตัด
- ฟิลเลอร์หน้าผาก การเติมฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยปรับหน้าให้ได้สัดส่วน สวยงาม ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง
- ฟิลเลอร์จมูก เหมาะสำหรับคนที่อยากปรับแก้ไขรูปจมูกให้สวยสมบูรณ์ได้สัดส่วนและออกมาเป็นธรรมชาติมาก
**Filler หน้าผากและจมูก เป็นจุดที่อันตราย ทางคลินิกยังไม่มีบริการในส่วนนี้
ฟิลเลอร์ในแต่ละตำแหน่ง ต้องฉีดปริมาณเท่าใด
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งนั้น ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาบนใบหน้าของคนไข้แต่ละคน โดยแพทย์จะประเมินว่าในแต่ละตำแหน่ง ใช้ปริมาณฟิลเลอร์เท่าไหร่จึงจะเพียงพอ โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้และปัญหาที่จะทำการแก้ไขในบริเวณนั้น ๆ ด้วย
- จมูก 1 ml.
- คาง 1-2 ml.
- ปากอวบอิ่ม 1-2 ml.
- ร่องแก้ม 1-2 ml.
- เติมแก้ม แก้มตอบ 2-4 ml.
- เติมใต้ตา 1-3 ml.
- ขมับ 2-3 ml.
- หน้าผาก 4-6 ml
** เป็นปริมาณโดยคร่าวๆ ขึ้นกับระดับปัญหาของแต่ละบุคคล
Review Filler ปาก
Review Filler ใต้ตา
Review Filler คาง
Review Filler ใต้ตา + ร่องแก้ม
ข้อดี-ข้อเสียของการ ฉีดฟิลเลอร์
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- การฉีดฟิลเลอร์มีความปลอดภัย เพราะฟิลเลอร์แท้ ไฮยารูลอนิก แอซิด เป็นสารชนิดเดียวกับโครงสร้างผิวตามธรรมชาติ ทำให้เข้ากับผิวดี ส่งผลให้ผิวหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นธรรมชาติ ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้า เห็นผลทันที ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- แก้ไขในจุดที่เป็นปัญหาได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และยังใช้แก้ปัญหาในจุดที่ต้องการความละเอียดสูงได้ดี เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม หรือแก้ปัญหา จากปัญหาใบหน้าที่ไม่ได้รูป ใบหน้าบิดเบี้ยว คางไม่สมส่วนได้
- ฟิลเลอร์แท้ ใช้ปรับรูปหน้า รูปคางได้เร็วทันใจ ปลอดภัยไม่เป็นอันตราย ไม่มีรอยแพ้ รอยช้ำ หรืออาการบวม
- ฉีดฟิลเลอร์ไม่ต้องเสียเวลานอนพักฟื้น หลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
- ฟิลเลอร์ เมื่อหมดอายุก็จะสลายไปเองตามธรรมชาติ จึงปลอดภัยไม่ต้องกลัวสารตกค้าง ที่จะหลงเหลืออยู่ภายในร่างกาย และไม่ต้องผ่าตัดเพื่อนำออกเมื่อไม่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถเติมใหม่ได้เรื่อยๆ หรือฉีดสลายออกโดยไม่เป็นอันตราย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- ฟิลเลอร์ มีอายุจำกัด คือ ประมาณ 18-24 เดือน เมื่อฟิลเลอร์หมดอายุ ผิวหนังบริเวณนั้นก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม เราก็ต้องไปพบแพทย์เพื่อฉีดรักษาเพิ่มใหม่เรื่อยๆ ไม่เสร็จในครั้งเดียวเหมือนผ่าตัดศัลยกรรม
- หากเจอฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไป ก็จะทำให้ผิวหนังเป็นผังผืด มีของเหลวใต้ผิวที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์ สามารถไหลไปกองรวมกันทำให้ดูเป็นก้อน ซึ่งอันตรายมาก
- หากแพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่มีความเชี่ยวชาญ เกิดความผิดพลาดฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแดง จนทำให้ไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา สามารถทำให้เกิดตาบอดได้
ชนิดของฟิลเลอร์ ที่มีให้บริการที่พิมพิกาคลินิก
ฟิลเลอร์แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกชนิดของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับใบหน้าของท่าน
โดยที่พิมพิกาคลินิกได้เลือกใช้ฟิลเลอร์ มี 2 ยี่ห้อ ได้แก่
1. Restylane แบรนด์ยอดนิยมจากประเทศสวีเดน มีโมเลกุลให้เลือกหลากหลาย
2. Neuramis แบรนด์ยอดนิยมจากประเทศเกาหลี ขึ้นทะเบียนกว่า60ประเทศทั่วโลก
ทั้ง 2 แบรนด์เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยาของประเทศไทย ได้รับความนิยมสูงสุด มีโมเลกุลให้เลือกมากมาย ซึ่งก่อนฉีดทุกครั้ง แพทย์จะโชว์กล่อง และเลข lot ให้ดูทุกครั้ง ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้ของแท้ ปลอดภัย
1.ฟิลเลอร์ Restylane®
ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน เป็นฟิลเลอร์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก การันตีจาก FDA อเมริกา และ CE MARKS จากยุโรป มีมากมายหลายรุ่นให้เลือกใช้กับแต่ละตำแหน่งปัญหาเช่นกัน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 12-15 เดือน
- Classic นิยมนำมาใช้ในการรักษาตำแหน่ง Midface เติมเต็มแก้มส้ม ร่องแก้ม ร่องพับมุมปาก ร่องพับค
- Refyne เหมาะสำหรับการแก้ไขบริเวณที่ผิวหนังบางๆ มีรอยยับเล็กๆ ที่ต้องการความละเอียด เช่น รอบดวงตา
- Defyne นำมาใช้ในการรักษาบริเวณ midface
- Lyft สำหรับแก้ไขในจุดที่ต้องการแรงยกสูง เช่น บริเวณขมับ ตามตำแหน่งเส้นเอ็นต่างๆของใบหน้า คาง ร่องแก้ม
- Volyme นิยมนำมาใช้ในการรักษาในตำแหน่งที่ต้องการการเติมเต็มที่ค่อนข้างลึก เช่น บริเวณแก้มตอบ ร่องแก้ม
- Vital นำมาใช้เติมเต็มบริเวณหน้าผาก และยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมในเรื่องของปรับความชุ่มชื้นผิว สามารถนำมาแก้ไขปัญหา ริ้วรอย ร่องลึก ตื้นๆได้พร้อมเพิ่มฉ่ำวาวของผิว มีแรงยกเล็กน้อย และการเติมเต็มด้วยปริมาตรที่ไม่มากจนเกินไป
- Vital light แก้ไขปัญหาจะใช้แก้ไขบริเวณ หลุมสิว รอยคล้ำใต้ตา หรือบริเวณที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นหลัก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงปริมาตรมากจนเกินไป เช่น หลังฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ลำคอ และเนินอก
- Kysse เป็นฟิลเลอร์ ที่ออกแบบมาเพื่อฉีดปากโดยเฉพาะ ให้คงคงรูป สวยงาม อวบอิ่ฟู หลังฉีด ไม่เป็นก้อนและอยู่ได้นาน และยังช่วยให้ร่องปากเรียบเนียนขึ้นด้วย
2.ฟิลเลอร์ Neuramis®
ฟิลเลอร์เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากประเทศเกาหลี ที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ด้วยคุณสมบัติ Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก อย.ประเทศไทย เกาหลี EDQMจากสหภาพยุโรป และ USFDA จากสหรัฐอเมริกา เป็นฟิลเลอร์คุณภาพยอดนิยมอีกแบรนด์ ที่มาพร้อมราคาไม่แพง อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 เดือน
Neuramis®
มีคุณสมบัติในการปรับรูปหน้า สร้างมิติให้ใบหน้า และเติมเต็มผิว แก้ไขริ้วรอยและร่องลึก ตั้งแต่ระดับกลางถึงระดับรุนแรงได้อย่างเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติ
โดยธรรมชาติ บริเวณผิวหนังของมนุษย์จะมีสาร Hyaluronic Acid (HA) ในชั้นผิวหนัง แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณจะลดน้อยลงผิวที่เคยอ่อนเยาว์ ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นจะลดน้อยลงทำให้เกิดริ้วรอย และร่องลึกก่อนวัยได้
- Neuramis Deep Lidocaine รุ่นใหม่ผสมยาชา เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งปานกลาง เหมาะสำหรับเติมเต็มบริเวณร่องลึกและริ้วรอยระดับปานกลาง เช่น ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากเติมเต็มหน้าแก้ม แก้มส้ม คาง หน้าผาก รวมไปถึงใต้ตาชั้นลึก
- Neuramis Volume Lidocaine เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็ง เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก ขมับ ร่องแก้มข้างจมูก แก้มตอบ ฉีดเพื่อยกกระชับปรับทรงหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ บริเวณคาง แนวสันกราม กรอบหน้า โหนกแก้ม
Review Filler ใต้ตา
การเตรียมตัวก่อนการ ฉีดฟิลเลอร์
- งดวิตามิน อาหารเสริม กลุ่มที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น Vitamin E,น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย อย่างน้อยสัก 2 อาทิตย์
- งดยาแอสไพริน, NSAIDs อย่างน้อยสัก 2 อาทิตย์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนทำ
- ไม่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- หมายเหตุ กรณีมีโรคประจำตัว หรือแพ้ มียาอื่นใดที่ต้องกินเป็นประจำควรแจ้งข้อมูลกับแพทย์ก่อนทำ
ข้อควรปฏิบัติหลัง ฉีดฟิลเลอร์
- หลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จทันที หมอจะติดพลาสเตอร์ให้ตามรอยรูเข็ม เมื่อครบ 1 ชม. จึงสามารถแกะออกได้ อาจจะมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในจุดที่ทำ
- ห้ามแตะ แกะ เกา กดหรือนวดในจุดนั้นๆ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ อาการเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นเองในช่วง 2-3 วัน แต่หากเลย 3 วันไปแล้วอาการบวมแดงยังไม่ดีขึ้น ให้รีบแจ้งกลับมาที่ทางคลินิกโดยเร็วที่สุด
- ควรงดสูบบุหรี่ เพราะในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด จะทำให้ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลงหรืออายุการใช้งานของฟิลเลอร์ลดลง
- แนะนำให้อยู่ในอากาศเย็น ประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมลงได้เร็วขึ้นในบางเคส ที่ปวดมากสามารถกินยาแก้ปวดที่ทางคลินิกให้ไปได้